Webflow ขึ้นแท่น Startup สุดเจ๋ง! สร้างกำไรกว่า $10M แบบแทบไม่ง้อเงินระดมทุน

Fintech (Thailand) > Fintech blog  > Webflow ขึ้นแท่น Startup สุดเจ๋ง! สร้างกำไรกว่า $10M แบบแทบไม่ง้อเงินระดมทุน

Webflow ขึ้นแท่น Startup สุดเจ๋ง! สร้างกำไรกว่า $10M แบบแทบไม่ง้อเงินระดมทุน

หากพูดถึง Startup สิ่งที่เรานึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ คงไม่พ้นการระดมทุน แต่จะเจ๋งแค่ไหนหากมี Startup ที่ทำกำไรได้เกือบหลักร้อยล้านบาทโดยที่แทบไม่ต้องง้อเงินระดมทุน?

Webflow ถือเป็นธุรกิจ startups ที่ไม่เหมือนใครใน Silicon Valley เพราะธุรกิจนี้ใช้เงินลงระดมทุนเพียง $2.9M. (~90.65 ล้านบาท) แต่สามารถสร้างบริษัทที่มีรายได้ถึง $10M. (~312.60 ล้านบาท) ต่อปี ซึ่งมี startups เพียงไม่กี่รายที่ทำได้

 

CEO Webflow วลาด แมกดาลิน ให้คำจำกัดความ Webflow ว่า เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วมาก ขนาดที่ว่าเขาคาดการณ์ว่าบริษัทจะทำกำไรปีนี้แตะ $20M. (~625.20 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน Webflow มีสมาชิกผู้ใช้งานมากกว่า 750,000 คน ซึ่งรวมถึงนักพัฒนาระบบจาก NASA Dell และ MTV

 

ทำไม Webflow ถึงเติบโตอยย่างรวดเร็ว? เหตุผลก็คือ Webflow ทำให้งานของดีไซเนอร์เป็นเรื่องง่ายในการสร้างเว็บให้ถูกใจตลาดในปัจจุบัน นอกจากนี้ Webflow ยังมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แต่อาวุธลับที่สุดก็คือ Webflow สร้างเว็บที่ทำงานได้บนทุกแพลตฟอร์มและเข้ากันได้กับทุกภาษาโปรแกรมมิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็น HTML5, CSS และ JavaScript

 

ก้าวต่อไปของ Webflow ก็คือ การสร้างเครื่องมือสำหรับช่วยนักพัฒนาในการสร้างระบบร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านบนเว็บไซต์

 

ด้วยเครื่องมือที่ว่านี้ Webflow จะสามารถรวมเทคโนโลยีให้ทำงานร่วมกันได้กับระบบร้านค้าและได้พลังของระบบจ่ายเงินที่สะดวกสบายอย่าง ‘เครดิตการ์ด’ มาไว้ในมือ หมายความว่าดีไซเนอร์สนใจแค่ออกแบบเว็บไซต์ก็เหมือนได้ออกแบบระบบร้านค้าออนไลน์ไปด้วยในตัว และด้วยเครื่องมือที่ว่านี้ Webflow จะกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Shopify ธุรกิจ startup สัญชาติแคนาดาที่ทำธุรกิจให้บริการเครื่องมือในการสร้างร้านค้าออนไลน์เช่นกัน

 

จากมุมมองของแมกดาลินซอฟท์แวร์จะขยายตัวไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจขนาดเล็กอาจไม่มีกำลังมากพอในการจ้างทีมพัฒนาระบบและดีไซเนอร์

 

เครื่องมือที่ Webflow กำลังคิดจะใช้ คือสิ่งที่ Silicon Valley เรียกว่า ‘no-code’ เป็นไอเดียที่ว่านักพัฒนาระบบที่เชี่ยวชาญไม่ควรเป็นคนกลุ่มเดียวที่ได้เข้าถึงเครื่องมือในการสร้างระบบ

 

ดังนั้นเครื่องมืออย่าง Webflow จึงหมายความว่าดีไซเนอร์เพียงแค่คนเดียวสามารถสร้างผลงานได้มากกว่าเดิม

 

การเลือกเดินหมากครั้งนี้ของ Webflow ถือได้ว่าเป็นการเดิมพันที่ดูจะมีอนาคตที่สดใสไม่น้อย เพราะหากเครื่องมือตัวใหม่นี้ติดตลาด ผู้ใช้งานที่มีอยู่เดิมจะกลายเป็นฐานที่สำคัญในการขยายฐานลูกค้าให้กับ Webflow เหมือนที่ครั้งหนึ่งบริษัทเคยทำได้มาแล้ว

 

Webflow คือตัวอย่างชั้นดีในการบอกกับเราว่า ธุรกิจที่มีเป้าหมายชัดเจนและใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ก็สามารถเติบโตได้โดย(อาจจะ)ไม่จำเป็นต้องง้อเงินระดมทุนแต่อย่างใด

 

Cr. businessinsider.com